วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

EP.2 วัดคำชะโนด จ.อุดรธานี ไม่มีรถส่วนตัว

          สวัสดีค่ะพบกันอีกแล้ว😁😁 ครั้งนี้จะมารีวิวการเดินทางไปวัดคำชะโนด จ.อุดรธานี ครั้งนี้ไปแบบไม่มีรถส่วนตัวค่ะ อาจจะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลสำหรับคนที่อยากไปแต่ไม่มีรถส่วนตัว และไม่รู้จะไปยังไง วันนี้เมล์จะมาบอกทุกรายละเอียดค่ะ

          เราเดินทางโดยรถทัวร์กันค่ะ ขอแนะนำก่อนเลยน่ะคะก่อนเข้าเรื่อง แนะนำรถทัวร์ที่นั่งไปถึงอ.บ้านดุง แบบถึงแน่นอน คือที่จำได้ก็จะมี 1.แอร์อุดร 2.ชาญทัวร์ 3.รถทัวร์407 อันนี้คือถึงบ้านดุงเลย ถ้าไปสายอื่น เช่นนครชัยแอร์ จะลงแค่ บขส. อุดรธานี ในเมืองเท่านั้นคะ และเราต้องนั่งรถแดงต่อมาที่ อ.บ้านดุง ซึ่งมันเสียเวลามาก ทางที่ดีควรนั่งรถทัวร์ ที่ลงบ้านดุงเลย ก็จะมีที่แนะนำไปด้านบนนะคะเพราะวันที่เมล์ไปดันไปช้าคิดว่าวันธรรมดาคนไม่เยอะ แต่ที่ไหนได้รถเต็ม และเราตั้งใจจะไปรถทัวร์ของบริษัทนี้แอร์อุดร ดีที่สุด ช่อง55 เผื่อใครจะไปกับรถทัวร์สายนี้ !! เห้ออารมณ์เสีย ควรจะมาก่อน20.30น.นะเพราะรถหมด3ทุ่มคะของแอร์อุดร  เอาล่ะสิจะหารถไปยังไงล่ะทีนี้ บริษัทอื่นก็ลงแค่ บขส.อุดรธานี เดินวนในหมอชิต สุดท้ายได้รถ หึๆๆโดนหลอกค่ะ ค่ารถก็แพง โดนหลอกขึ้นรถป.2เอาล่ะสิจะคืนต๋วไม่ไป ก็เสียดายเงิน ตั้ง480บาท คือคืนนั้นเป็นอะไรที่แย่มาก แทบจะร้องไห้ ผ้าหม่ก็ไม่มี น้ำของว่างก็ไม่มี รถก็มีกลิ่น ฮือๆๆ ขอผ่านตรงนี้ไปนะคะ เวลาช่างยาวนาน! 
           เช้าวันที่28กุมภาพันธ์2560 ถึงอุดรธานี คุณหลอกดาวอีกแล้ว!!! ถึงบขส.อุดร พนักงานบอกว่ารถหมดระยะทางแล้ว อ้าว!!!เราหันหน้ามองกับแฟน ก็เลยไปถามพนักงานบนรถทัวร์ ว่า "พี่ไหนบอกไป บ้านดุงไง" เขาเลยตอบกลับมาว่า " เดี๋ยวจะพาไปขึ้นรถแดงไม่ต้องจ่ายตัง" นั่งรถแดงไปลงบ้านดุง อ้าว!!ถ้ารู้ว่าจะต้องมาต่อรถแบบนี้ เรานั่งนครชัยแอร์มาไม่ดีกว่าหรอ สะดวกสบายเร็วกว่าด้วย!!อารมณ์เสียอย่างหนัก การเดินทางคือการเรียนรู้ รู้ผิดรู้ถูก ถ้าคิดจะเดินทาง ทุกคนต้องเคยหลงทาง เคยโดนหลอกบ้างแหละ 5555 และแทนที่จะถึงตั้งแต่ตี5 ที่ไหนได้ถึงอุดรเกือบ8โมง แผนเดินทางผิดพลาดไปหมดเลยต้องวางแผนใหม่!!! ขออนุญาติบ่นค่ะ มาค่ะเข้าเรื่องจริงจังสักที
     
         เอาล่ะเริ่มเดินทางกันเลยพอเราลงรถที่บขส.อุดรธานี ก็เดินมาขึ้นรถที่ชานชลา รถจะเป็นสีส้มแบบนี้นะคะ แต่เขาเรียกว่ารถแดงกันค่ะ จะมีรถแดงกับรถเขียว รถเขียวคือรถที่ออกสีฟ้าๆนะคะ อันนั้นก็ไปได้แต่จะอ้อมหน่อยค่ะ ทางที่ดีควรเลือกนั่งรถแดง อุดรธานี-คำตากล้า ค่าโดยสารคนละ 20บาท ขาไปเขาเก็บ20 บาท แต่ทำไมขากลับ ถึงเก็บ40บาท อันนี้งงมาก!!
            พอได้ตั๋วรถก็ขึ้นมานั่งไม่ถึง5นาทีรถก็ออก จากบขส.ไป อ.บ้านดุง ใช้เวลาประมาณ 1ชม.หน่อยๆไม่เกินนี้ ก็นั่งไปหลับไปแต่รถไม่หวานเย็นน่ะคะ ก็ถือว่าขับเร็วอยู่ มาถึง อ.บ้านดุง เวลา 9โมงกว่า พอลงรถก็ดิ่งมาศาลหลักเมืองก่อนเลย จุดประสงค์ที่มาที่นี่อีกครั้ง คือการมาแก้บน เอาล่ะสายมากแล้ว ใช้เวลาตรงศาลหลักเมืองแค่20นาที ก็รีบเดินไปหารถตุ๊กตุ๊กเพื่อที่จะไปวัดคำชะโนด จะมีรถเครื่องสามล้อ และรถตุ๊ก ตุ๊ก เราเลือกรถตุ๊กตุ๊ก ไป 200บาท กลับ200บาท รวมเป็น400ไปกลับ ต่อไม่ได้น่ะคะ ได้ราคานี้ ลองต่อแล้วไม่ได้จริงๆถ้าไปหลายคนหารคงจะถูก พี่เขาจะรอรับเรากลับด้วยน่ะคะ แต่ให้เวลาแค่2ชม.เท่านั้น ถ้าเกินอาจจะคิดราคาเพิ่ม อันนี้ลองถามตกลงกันก่อนนะคะ!!
            โชคดีวันที่ไปรถไม่ติดเลยใช้เวลาประมาณ 20นาทีไปถึงที่วัด เราก็นัดแนะกับพี่เขาว่ารอตรงไหน และเราก็มุ่งหน้าเดินเข้าเกาะคำชะโนดกัน

        ช่วงเวลาตอนนี้คนไม่ค่อยเยอะทางเดินเข้าสะพานเลยเดินสบาย แต่ถ้ามาเสาร์อาทิตย์คงเยอะ

          พอเดินถึงศาลาปู่ศรีสุทโธ คนก็เยอะน่ะ ยืนต่อแถวที่จะขึ้นไปกราบไหว้ท่าน และเราก็ได้เข้าไปไหว้ท่าน ครั้งที่แล้วไหว้ได้แค่ศาลาข้างล่าง ข้างๆกัน มาครั้งนี้ได้ขึ้นมาไหว้ข้างบน พอลงจากศาลาก็พาแฟนเดินชมรอบๆเกาะคำชะโนด เพราะเราเคยมาแล้วเลยอาสาเป็นไกด์อธิบายและแนะนำ และความเป็นมาของที่นี่พอที่เราเข้าใจและศึกษามา😀😀


รอบนี้บายศรีทางวัดให้นำออกมานะคะ ไม่ให้วางไว้ ถ้าไม่นำออกมาทางวัดจะเก็บใส่ถุงดำและนำออกไปทิ้งข้างนอก ถ้าใครอยากนำกลับบ้าน สามารถเอากลับได้น่ะคะ👍👍👍



     
         เราทำเวลากันดีมากเราออกจากวัดคำชะโนด เวลา12.00น. ใช้เวลาในเกาะคำชะโนด 1ชม. ก็เดินมาที่จุดที่นัดพี่ตุ๊กตุ๊กไว้ พี่เขาจอดรออยู่แล้ว ก็ดิ่งกลับ บขส.บ้านดุง ใช้เวลา 20นาที โชคดีที่รถบัสแดงจอดอยู่กำลังออก เราเลยไม่ต้องเสียเวลานั่งรอ ลืมบอกไปว่า ขากลับเรานั่งเครื่องกลับค่ะ ของไลอ้อนแอร์เจ้าเดิม!! เราเลือกไฟท์บิน 16.40น. ใช้เวลานั่งรถแดง 1.10นาที เรานั่งลงที่เซ็นทรัลอุดร เพราะยังไม่ได้กินข้าว ตั้งแต่เช้า และมองเวลาก็ยังพอเหลืออยู่ เราถึงเซ็นทรัลอุดรเวลา 14.10น. เซ็นทรัลกับ บขส.อุดรไม่ไกลกันน่ะคะ แต่ถ้าคนจะนั่งรถทัวร์กลับ ก็ขึ้นที่อ.บ้านดุงได้เลยค่ะ แต่ถ้าจะนั่งเครื่องหรือรถไฟกลับก็ต้องมาลงบขส.อุดรธานี และเหมารถเครื่องสามล้อไปที่สนามบิน พอกินข้าวเสร็จ ดูเวลา 14.45น. ก็เลยเดินออกมาหน้าเซ็นทรัล พอดีเจอรถเครื่องสามล้อเลยสอบถามราคา ไปสนามบิน ได้ราคา120บาท ใช้เวลาประมาณ20นาทีถึงสนามบิน พร้อมเดินเข้าเช็คอิน นั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง
           เสร็จสิ้นภาระกิจ วันเดย์ทริปเที่ยววัดคำชะโนด จ.อุดรธานี  Bey Bey..............
           👉ค่าใช้จ่ายทริปนี้ 2คน
  -ค่ารถทัวร์ คนล่ะ 480บาท ×2 =960
  -ค่ารถแดง คนล่ะ 40 บาท ×2 =80
  -ค่าดอกไม้ บายศรี ของแก้บน = 940
  -ค่าเครื่องบิน ขากลับ 2คน =2,130
  -ค่ารถตุ๊กตุ๊ก ไป-กลับ =400
  -ค่ารถเครื่องสามล้อ ไปสนามบิน =120
  -ค่าอาหาร  = 400
  -ค่าบีทีเอส =104
  -ค่าแท๊กซี่สนามบินกลับบ้าน = 300
    👉รวมแล้ว 5,434 บาท ÷2 ตกคนล่ะ 2,717บาท

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ย้อนยุคเมืองมัลลิกา รัชกาลที่๕ ร.ศ ๑๒๔

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนน่ะคะ กลับมาพบกันอีกครั้ง และครั้งนี้เราจะพาย้อนยุคไปอยู่ในสมัยรัชกาลที่๕ ร.ศ ๑๒๔ กันค่ะ นั้นคือเมืองมัลลิกา เมืองมัลลิกาก่อสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเมื่อวันที่29 ตุลาคม 2559 ปีที่ผ่านมา ขอบอกเลยว่าเมล์ไปช่วงเปิดใหม่ได้ไม่นาน สถานที่บางแห่งยังก่อสร้างไม่เสร็จสิ้น ที่รีบไปเพราะได้ข่าวว่าที่มัลลิกาจะมีการขึ้นค่าเข้าชมเมืองเป็น300บาท ซึ่งบัตรราคาเข้าตอนที่ไปอยู่ที่ราคา 150บาทเท่านั้น จะรออะไรละคะ รีบไปเลยค่ะ!!    ทริปนี้เราไปเช้าเย็นกลับกัน โดยการรถตู้ เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ขอบอกว่างานนี้เราใส่ชุดไทย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศย้อนยุคกันสักหน่อย!!

-เช้าเดินทางขึ้นรถตู้เวลา06.30น. เดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองมัลลิกา จ.กาญจนบุรี เราเดินทางถึงเมืองมัลลิกาเวลาเกือบ10โมงแดดค่อนข้างจะแรงด้วยสิ วันนั้นมีอากาศอบอ้าวแดดร้อนมากพอสมควร แต่เราไม่หวั่นสู้ตายค่ะ!!!พอลงรถก็มุ่งไปต่อแถวซื้อตั๋วกันเลย!!


พอเราซื้อตั๋วจะมีช่องให้เราแลกเงินพดด้วงเพื่อใช้ในเมืองมัลลิกาด้วยนะคะ หรือจะแลกข้างในก็ได้ค่ะ พอเราได้ตั๋วมาก็เดินเข้าทางประตูใหญ่ได้เลยนะค่ะ จะมีพนักงานเก็บบัตรตรวจบัตรอยู่ทางประตูทางเข้านะคะ ทางเข้า-ออกเป็นทางเดียวกันค่ะ อ้อลืมบอกไปที่นี่มีบริการเช่าชุดไทยด้วยน่ะคะมีทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ราคาเช่าจะอยู่ที่200บาท ขึ้นไปค่ะ ใครที่อยากใส่สามารถมาเช่าได้ค่ะ แต่ของเราเอามาจากบ้านเอง


ลุยเลยค่ะได้บัตรมาแล้วเข้าไปสำรวจข้างในกัน ว่าจะสวยแค่ไหน🤔🤔เมื่อเราเดินผ่านเข้ามาทางประตู เราจะเห็นจุดแรกเลยที่เด่นมาก คือสะพานหันเป็นสะพานที่ใช้เดินเข้าไปในเมืองมัลลิกา ตามทางเดินบนสะพานนี้จะขายพวกผลไม้หมักดอง ชิมฟรีได้น่ะ

พอผ่านตัวสะพานเข้ามาแล้วเราจะพบกับเมืองมัลลิกา ที่สวยงามและบรรยากาศเหมือนเราอยู่ใน ร.ศ124เลยคะ แต่บางคนเขาก็ไม่ได้แต่งชุดไทยนะคะ พอเดินมาเราก็จะเจอร้านค้าต่างๆ สามารถเข้าไปดูและเข้าไปชิมได้ค่ะ เราใช้เงินพดด้วงที่แลกมา ซื้อของกินในเมืองมัลลิกาได้เลยคะ😄😄





อาหารเป็นแนวโบราณนะคะในสมัยยุคนั้น อาหารก็จะประมาณนี้ รสชาติอร่อยคะ


ทริปนี้ถ่ายแต่รูปอย่างเดียวเลยค่ะ 😀😀
ข้างในมีสถานที่มากมายให้เราได้เดินชม พอเราเห็นพวกลุงๆป้าๆนั่งขูดมะพร้าว เลยขออนุญาติลองทำดูบ้างทั้งขูดมะพร้าว รวนแป้งทำขนมใส่ไส้ และทำกับข้าวในครัว ไม่เคยได้ทำแบบนี้ งานนี้เลยขอสักหน่อย!!



เดินดูรอบเมือง สวยงามจริงๆ เดินไปเดินมาเจอคนเข็นเกวียนเลยยืนถ่ายรูป พี่เขาใจดีบอกว่าสามารถขึ้นมานั่งถ่ายได้ไม่เสียเงิน เราก็เลยขออนุญาติถ่ายภาพพี่เขาและถ่ายภาพเราด้วย😆😆😆



มาต่อค่ะเราเดินอยู่ในเมืองมัลลิกาประมาณ2ชม.ได้ ซึ่งอากาศก็ร้อนมากแดดก็แรง เลยชวนพี่ไปนั่งหาอะไรเย็นๆกิน เลยได้มานั่งกินลอดช่องน้ำกะทิ กับน้ำใบเตย มองดูแล้วราคาไม่น่าแพง แต่ที่นี่กลับแพง เรามองว่าใช้เงินสตางค์ไม่น่าแพงแต่มาคำนวนดีๆแค่น้ำใบเตยแก้วเดียว 4สตางค์ เท่ากับ20บาท เงินพดด้วง 1สตางค์ เท่ากับ 5 บาทปัจุบันนะคะ 

ระหว่างที่นั่งพักให้หายเหนื่อยหายร้อนกัน มาดูภาพบรรยากาศโดยรอบๆกันน่ะคะรูปมีเยอะอาจจะลงไม่หมดนะแต่จะเอาที่สำคัญๆมาให้ดูเนอะ😊😊





รูปไม่ค่อยสวยเท่าไรนะคะถ่ายจากโทรศัพท์เดินทางมาไม่ยากไม่ลำบาก แค่วันเดียวก็เที่ยวได้ ทริปนี้แสนจะประหยัดใคร ใครก็เที่ยว
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านกันจนจบ😊😊ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ ทริปนี้ข้อมูลอาจจะน้อยนิด แต่การเดินทางไปไม่ยากไม่วุ่นวายค่ะ
●สรุปค่าใช้จ่ายวันเดย์ทริปมัลลิกา
• ค่ารถตู้  400 บาท
• ค่าเข้าเมืองมัลลิกา  150 บาท 
• ค่าเช่าชุด  200 บาท
• แลกเงินพดด้วง 100บาท 
• อาหารกลางวัน  100บาท
●รวมค่าใช้จ่ายในครั้งนี้  950บาท